หยาดเหงื่อเพื่อพ่อหลวง…พอเพียง จริงใจ ให้กันและกัน

“ในหลวงเหนื่อยกว่าเราเยอะพี่” คำตอบที่ได้รับเมื่อถามว่าเหนื่อยแย่เลย ไหวหรือเปล่า เพราะน้องคนนี้มีรูปร่างอ้วน และมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ การยืนอยู่ท่ามกลางเปลวแดด ไอร้อนจากเตาถ่าน แล้วไหนจะสารเคมีจากสีย้อมผ้า จึงทำให้ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่คำพูดจากใจของน้องทำให้เราตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อมีคนเปรยขึ้นมาว่า ไม่ค่อยมีรูปของเขา “ไม่ต้องถ่ายรูปหนูหรอกพี่ หนูทำเพื่อในหลวง” อีกหนึ่งคำพูดจากน้องคนเดียวกัน ขณะกำลังซักผ้าที่ย้อมแล้วเพื่อนำไปตาก ยิ่งเพิ่มความซาบซึ้งในหัวใจ และท้ายสุด เมื่อสิ้นสุดโครงการ ฉันเรียกทุกคนมาถ่ายรูปหมู่ ก็ไม่มีรูปของน้องคนนี้จริง ๆ รวมไปถึงทีมงานอีกหลายคนที่ต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจของตัวเอง

“หล่อหลอมดวงใจใส่ผืนผ้า” คือชื่อโครงการที่ฉันคิดขึ้นในชั่วระยะเวลาไม่กี่นาที เมื่อผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์มาในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ปรึกษาว่าเราจะทำโครงการย้อมผ้าสีดำฟรีให้กับคนทั่วไป เพื่อถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเป็นองค์ความรู้และภาระงานของสถานอารยธรรมศึกษา โขงสาละวินที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว อีกทั้งข่าวของเสื้อผ้าสีดำที่ราคาดีดตัวสูงขึ้น ภาพของผู้คนที่ยื้อแย่งกันซื้อ เสาะหาเสื้อผ้าสีดำ จึงทำให้เมื่อโครงการจากความตั้งใจนี้ประชาสัมพันธ์ออกไปทางสื่อโซเชียลในวันรุ่งขึ้นจึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
ช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ คือวันแรกของโครงการ มีนิสิต อาจารย์ บุคลากร ตลอดจนบุคคลทั่วไปทยอยกันนำผ้ามาย้อม ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยต้อนรับสื่อมวลชนที่หลั่งไหลกันเข้ามาทำข่าวชนิดที่เราคาดไม่ถึง เป็นภาพแห่งความสนุกสนาน ผสานกับความวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากเป็นวันแรกซึ่งกระชั้นชิด จึงฉุกละหุกกับการหาซื้อและตระเตรียมอุปกรณ์ข้าวของต่าง ๆ
เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละคนมาถึง ลงทะเบียน เจ้าหน้าที่ของเราจะคัดเลือกผ้าว่ามีชิ้นไหนย้อมได้ ย้อมไม่ได้ ด้วยมีผ้าบางชนิดย้อมสีไม่ติด เช่น ผ้าชีฟอง ผ้ามัน เป็นต้น จากนั้นนำผ้ามาแช่ในน้ำเปล่าเพื่อให้เส้นใยขยายตัว แล้วนำไปต้มในหม้อหรือปี๊บ ช่วงระหว่างรอประมาณ ๓๐ นาที เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งเชิญลงนามถวายความอาลัย และชวนทำริบบิ้นสีดำด้วยกัน ไม่นานทุกคนก็ได้เสื้อผ้าสีดำกลับไปสวมใส่ พร้อมด้วยริบบิ้นสีดำ แถมนำไปฝากคนที่บ้านได้อีกต่างหาก
วันรุ่งขึ้น ถ้าจะกล่าวว่าผู้คนแห่แหนกันนำเสื้อผ้ามาก็ดูจะไม่ผิด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกไปซื้อเตา หม้อ เกลือแกงหรือเกลือทะเล ถ่านและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่ออีกจำนวน ๔ ชุด เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ วันนี้เองที่เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มหน้าแดง แสบตา แสบจมูก แม้จะใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือแล้วก็ตาม แต่ด้วยมีความตั้งใจอันแรงกล้าเป็นต้นทุน คำขอบคุณ ชื่นชม เป็นกำลังใจ นอกจากนี้ยังมีกัลยาณมิตร คือคุณนงนุช คล่องสั่งสอน เจ้าของร้านข้าวต้มอารมณ์ดี ซึ่งอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย นำน้ำสมุนไพรเย็น ๆ มาแจกจ่ายให้ฟรี ช่วยดับกระหาย สร้างความชื่นใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มีผู้ซื้อถ่านมาให้เป็นกุรุส ตลอดจนเงินบริจาคตามกำลัง ความตั้งใจของแต่ละคน

และแล้วสิ่งที่ฉันหวั่นใจก็เกิดขึ้น วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่ ๓ ของโครงการ เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาบอกฉันว่า พี่โพสต์ในเฟซบุ๊กให้หน่อยว่า วันพรุ่งนี้เรารับผ้าได้เพียง ๔๐ ชิ้นเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถหาซื้อสีย้อมผ้าได้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าช่วง ๓ วันที่ผ่านมาเราย้อมผ้าไปแล้วกว่า ๕๐๐ ชิ้น และเหลือวันตามโครงการอีก ๒ วัน คือ ๒๐ – ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ สถานการณ์ไม่ดีแน่
“หล่อหลอมดวงใจใส่ผืนผ้า ในวันพรุ่งนี้ (๒๐ ต.ค. ๕๙) เป็นวันสุดท้าย และรับผ้าได้จำนวน ๔๐ ชิ้นเท่านั้น เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจมีผู้นำผ้ามาย้อมเป็นจำนวนมาก และ ณ ตอนนี้สีย้อมผ้าสีดำขาดตลาด ทำให้ไม่อาจรองรับผ้าได้จำนวนมากกว่านี้…ทางสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวินขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างล้นหลาม และกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้”
เมื่อโพสต์ข้อความนี้บนเฟซบุ๊กของสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ก็ตามมาด้วยความคิดเห็นอันหลากหลาย…ทำดีที่สุดแล้วครับ…ยังไม่ได้นำผ้าไปย้อมเลย…สีย้อมผ้ายี่ห้ออะไรคะจะช่วยหาซื้อให้…ฯลฯ สร้างความปวดใจให้คนทำงานยิ่งนัก
พวกเรายังไม่ละความพยายาม ปฏิบัติการติดตาม ถามหาสีย้อมผ้าทั่วพิษณุโลกก็เกิดขึ้น แต่ปาฎิหาริย์ไม่มีจริง ยิ่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ของการศึกษานอกโรงเรียนที่ทำโครงการย้อมผ้าสีดำฟรีแบบเดียวกับเราโทรศัพท์มาถามว่าจะหาซื้อสีย้อมผ้าสีดำได้ที่ไหน ก็ยิ่งตอกย้ำ ทำให้ความหวังของเราดับวูบ
ช่วงสายของวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ฉันโพสต์ข้อความ “หล่อหลอมดวงใจใส่ผืนผ้า…ปิดรับผ้าแล้วนะคะ เนื่องจากสีย้อมหมดค่ะ…กราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้” ก็ยังมีผู้แสดงคามคิดเห็นมาว่าจะพยายามช่วยหาซื้อสีให้ ในขณะเดียวกันข้อความขอบคุณ ชื่นชม อวยพร ก็สร้างกำลังใจให้พวกเราได้อย่างดียิ่ง มีหนึ่งข้อความ “ถึงเวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับไปว่า “ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้เป็นลมไปแล้ว ๑”
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับข่าวสารนี้ต่างนำผ้ามา หวังว่าจะได้ย้อมเปลี่ยนเป็นผ้าสีดำ กลายเป็นว่าต้องมาเก้อ ผิดหวังกลับไป
โครงการ “หล่อหลอมดวงใจใส่ผืนผ้า” ได้รับการตอบรับเกินคาด กระนั้นก็ไม่เป็นไปตามแผนที่เรากำหนดไว้ แต่ที่แน่ ๆ พวกเราตั้งใจที่สุดแล้ว เต็มที่แบบสุดตัว สุดขั้วหัวใจ ฉันจึงสรุปเอาเองว่า คำว่าสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจึงน่าจะวัดที่หัวใจของพวกเรา ชาวสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
…จะขอตามรอยของพ่อ ท่องคำว่าเพียงและพอจากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ ด้วยความรัก ด้วยภักดีตลอดไป…
พรปวีณ์ ทองด้วง
นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน
มหาวิทยาลัยนเรศวร
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙



ความเห็นล่าสุด