กำเนิดชุดไทยพระราชนิยม เครื่องแต่งกายแบบสุภาพ
เพื่อแสดงความอาลัยแด่ในหลวง รัชกาลที่ ๙
ในห้วงเวลาแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยในขณะนี้ ทุกคนต่างพร้อมใจกันแต่งกายไว้ทุกข์ เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดชนี้ แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ทั้งนี้ในการแต่งกายไว้ทุกข์นั้น ในอดีตจะมีระเบียบแบบแผนอันเคร่งครัด แต่ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และค่านิยมจากตะวันตก
“การแต่งกายไว้ทุกข์” ตามจารีตประเพณีแต่โบราณของไทย มักจะแต่งกายในชุดขาว-ดำ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและเคารพต่อผู้ที่จากไป โดยคนที่ใส่สีดำนั้นจะเป็นการบ่งบอกว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ มีตำแหน่งสูง หรือสูงวัยกว่าผู้ตาย ส่วนสีขาวคือผู้ที่อายุน้อยกว่า หรือมีตำแหน่งต่ำกว่าผู้ตาย ทั้งนี้ต่อมาได้มีการนำวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา การแต่งกายไว้ทุกข์จึงเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือขาว-ดำ แต่ในกรณีของพระมหากษัตริย์นั้น ประชาชนควรใส่สีดำเป็นพื้นฐาน หรือถ้าหากไม่มีจริง ๆ อาจใส่สีขาวหรือสีเทาสลับกันได้ แต่ควรเป็นแบบที่สุภาพ และไม่มีลวดลาย
การแต่งกายไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดชนั้น หากสวมใส่ในชีวิตประจำวันคงไม่มีปัญหานัก แต่สำหรับในพิธีการสำคัญ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแต่งกายสุภาพ ดังเช่นชุดไทยพระราชนิยม
ชุดไทยพระราชนิยมเกิดจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถที่ต้องการให้มีเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติของสุภาพสตรีขึ้น สำหรับใช้เป็นฉลองพระองค์ในกาลสมัยที่ต้องโดยเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช เยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศยุโรป รม ๑๕ ประเทศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นเวลา ๗ เดือน ดังพระราชดำรัส
“…แต่ไหนแต่ไรมา คนไทยเราชอบแต่งกายกันตามสบาย ให้เหมาะแก่ความสะดวก ความประหยัด และอากาศของเมืองเราเท่านั้น ฉะนั้น เครื่องแบบประจำชาติของเราจึงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ไม่มีเป็นประจำอยู่เป็นแบบฉบับอย่างของเพื่อนบ้านใกล้เคียง จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายกันทั่วโลก เช่น ส่าหรีของอินเดีย เครื่องแต่งกายของชาวจีน และกิโมโนของญี่ปุ่น บรรดาพวกผู้หลักผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดต่างก็แนะนำให้ข้าพเจ้านุ่งซิ่นอย่างไทย ๆ นี่แหละไปทุกหนทุกแห่ง ข้าพเจ้าก็ยังไม่กล้าตกลงใจที่จะกระทำตาม เพราะมีปัญหาขัดข้องเรื่องเสื้อผ้าที่จะสวมกับผ้าซิ่น ด้วยเรายังไม่มีเสื้อที่จะใช้เป็นแบบฉบับ…”
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถจึงทรงสอบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะเครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีไทย โดยทรงศึกษาจากพระบรมฉายาลักษณ์และพระฉายาลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายใน รวมทั้งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ประเพณีไทย แต่ให้มีการปรับปรุงพัฒนาให้เหมาะสมกับกาลสมัย ทรงเสนอรูปแบบที่หลากหลาย และได้ฉลองพระองค์เป็นแบบอย่างตามกาลโอกาส
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๐๗ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถจึงทรงมีพระราชวินิจฉัยเลือกแบบชุดไทยประยุกต์ให้ยุติแน่นอนเป็น ๘ แบบด้วยกัน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค (หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค นางสนองพระโอษฐ์ในขณะนั้น) เป็นผู้คิดตั้งชื่อชุดให้เหมาะสมกับแบบของชุดต่าง ๆ นั้น เพื่อนำชุดไทยประยุกต์ทั้ง ๘ แบบไปจัดแสดงเผยแพร่ในโอกาสฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี กาชาดสากล วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๐๗ และเพื่อใช้เรียกขานเป็นแบบฉบับเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติของสตรีไทยต่อไป
ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ได้นำชื่อพระตำหนักและพระที่นั่งต่าง ๆ มาใช้เป็นชื่อของชุดไทยประยุกต์ทั้ง ๘ ชุด โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับแบบ ตลอดจนโอกาสในการเลือกใช้ชุดนั้น ๆ และโดยที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถมิได้ทรงกำหนดบังคับให้ชุดไทยประยุกต์ดังกล่าวเป็นแบบแผนเครื่องแต่งกายที่สุภาพสตรีไทยทุกคนต้องแต่ง เพียงแต่ทรงมีพระราชนิยมทรงฉลองพระองค์แบบต่าง ๆ นั้น ประชาชนทั่วไปจึงเรียกขานกันในภายหลังว่า “ชุดไทยพระราชนิยม”
สำหรับชุดไทยพระราชนิยมที่เหมาะสมแก่การสวมใส่เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดชนั้น ประกอบไปด้วยชุดไทยเรือนต้น, ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยอมรินทร์ และชุดไทยบรมพิมาน ส่วนชุดไทยพระราชนิยมอีก ๔ ชุด มีชื่อเรียกคือ ชุดไทยจักรี, ชุดไทยดุสิต, ชุดไทยจักรพรรดิ และชุดไทยศิวาลัย
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอนำเสนอรายละเอียดของชุดไทยพระราชนิยมทั้ง ๘ ชุดผ่านบทร้องของระบำชุดไทยพระราชนิยม ผลงานประดิษฐ์ของวิทยาลัยนาฏศิลป์ กรุงเทพฯ จัดแสดงครั้งแรกถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตร ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดวังพัทลุง เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๖ เป็นระบำที่ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการพิจารณาผลงานของวิทยาลัยนาฏศิลป์ต่าง ๆ ให้ได้รับรางวัลดีเด่นด้านเครื่องแต่งกายงาม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖
พัสตราภรณ์เรืองนามงามพิลาส คือชุดพระราชนิยมสมสมัย
พระราชดำริราชินีศรีชาติไทย ประทานให้แต่งในงานการพิธี
ไทยเรือนต้นคมขำแบบลำลอง งามผุดผ่องซิ่นไหมสดใสสี
เสื้อคอกลมเนียนแนบแยบยลดี กระดุมมีห้าเม็ดเก็จตระการ
ไทยจิตรลดาผ้าไหมยกดอกเด่น กำหนดเป็นชุดกลางวันอันภูมิฐาน
เสื้อแขนยาวยกขอบคอพอประมาณ ใช้ในงานท่านผู้ชายแต่งเต็มยศ
ไทยอมรินทร์แลวิไลใช้ยามค่ำ ผ้ายกทองแกมก่ำขำสวยสด
เสื้อแขนยาวดุมลอยพลอยงามงด อลงกตสร้อยถนิมประพิมพรรณ
ไทยบรมพิมานงามเต็มยศ เกียรติปรากฏระบิลนามงามสรรพ์
เสื้อแขนยาวยกคอพอดีกัน เฉิดฉายฉันเครื่องประดับระยับตา
ไทยจักรีห่มสไบเปิดไหล่ขวา งามตรึงตราพาชมชิดสิเน่หา
ผ้ายกทองจีบหน้านางย่างเยื้องมา ปั้นเหน่งหน้าพรายเพริศประเสริฐดี
ไทยดุสิตวิจิตรบรรจงนัก สวมเสื้อปักเลื่อมลายพราวพรายสี
ภูษาจีบแกมประดับทับทรวงมณี ใช้ในงานพิธีมีสายสะพาย
ไทยจักรพรรดิผ่องผุดพิสุทธิ์ยิ่ง สไบทิ้งปักรุ้งร่วงช่วงเฉิดฉาย
ห่มทับไว้แนบเสื้อสร้อยสะพาย ดูคมคายครามีงานการพิธี
ไทยศิวาลัยสวมยกทองทาบทับเสื้อ งามอะเคื้อลำยองผ่องฉวี
ห่มผ้าปักลวดลายแยบคายดี งามสุดที่จะพรรณนาศิวาลัย
สตรีไทยทั้งมวลล้วนรำลึก สำนึกพระกรุณาธิคุณวิบูลย์สมัย
ยามนุ่งห่มสมพักตร์เอกลักษณ์ไผท ประกาศไกลก้องหล้าทั่วสากล
พรปวีณ์ ทองด้วง
นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน
มหาวิทยาลัยนเรศวร
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
ข้อมูล ๑. หนังสือชุดไทยพระราชนิยม โดย จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา และวิไลวรรณ สมโสภณ
๒. //images.google.co.th
๓. //www.bangkokbiznews.com
ความเห็นล่าสุด