แด่คุณครู…ผู้สร้าง
ในอดีต ไม้เรียวคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันกลับกลายเป็นของต้องห้ามไปเสียแล้ว
ฉันมิได้คัดค้านกฎระเบียบนี้ เพราะเข้าใจดีว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพียงแต่ความทรงจำได้กระตุ้นให้สำนึกในบุญคุณของไม้เรียว และคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากไม้เรียว แต่อยู่ที่ผู้ถือไม้เรียวต่างหาก
ไม่ได้ทำการบ้าน โดดเรียน เสียงดัง พูดคำหยาบ ทะเลาะวิวาท…ฯลฯ กระทั่งลืมตัดเล็บมือ คือต้นเหตุของการเจ็บตัว ฝ่ามือ ข้อนิ้วมือ หลัง ก้น ตาตุ่ม แล้วแต่ขนาดของความผิด ทว่านี่คือความรัก ความหวังดี ความเมตตา ความกรุณา ที่ส่งผ่านน้ำหนักมือลงบนไม้เรียว …เจ็บแล้วจำ ห้ามทำอีก…ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ
วันนี้ฉันยังจำชื่อของครูสมัยประถมศึกษาปีที่ ๕ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยขึ้นชื่อเรื่องความดุ การเคี่ยวเข็ญ สารพัดวิธีการทำโทษที่ช่างสรรหามาได้ทุกวัน และแม่ของฉันเองก็เป็นแบบอย่างของครูที่ดี แม้ว่าจะถอดบทบาทความเป็นครูในโรงเรียนไปหลายปีแล้ว แต่ยังเป็นครูอยู่ในใจของนักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทุกปีจะมีลูกศิษย์มาไหว้ เล่ารำลึกถึงไม้เรียวและวิธีการทำโทษแบบพิสดารของแม่ เช่น ให้ยืนอมบอระเพ็ดหน้าห้อง “ถ้าไม่ได้ครู ก็ไม่มีวันนี้” ทำเอาฉันอึ้ง อาชีพครูนี้ช่างแสนวิเศษและพิเศษจริง ๆ
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอนแนะนำ ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีหน้าที่สอน อบรมเกี่ยวกับวิชาความรู้ การอ่านเขียน รวมไปถึงการให้ความรู้และแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน (คำว่าครูนั้นมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต คำว่า “คุรุ” และภาษาบาลี คำว่า “ครุ”, “คุรุ”)
“ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง หันไปห่วงอำนาจ ห่วงตำแหน่ง ห่วงสิทธิ์ และห่วงรายได้กันมากเข้า ๆ แล้ว จะเอาจิตเอาใจที่ไหนมาห่วงความรู้ ความดี ความเจริญของเด็ก ความห่วงในสิ่งเหล่านั้น ก็จะค่อย ๆ บั่นทอนทำลายความเป็นครูไปจนหมดสิ้น จะไม่มีอะไรเหลือไว้ พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจ หรือผูกใจใครไว้ได้ ความเป็นครูก็จะไม่มีค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่เคารพบูชาอีกต่อไป”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ครูอาวุโส ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันเสาร์ ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๑
การจัดพิธีไหว้ครูนับเป็นการแสดงความเคารพครูที่สืบทอดกันมายาวนาน สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จะกำหนดจัดพิธีไหว้ครูในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยถือหลักว่าต้องเป็นวันพฤหัสบดี ส่วนจะเป็นพฤหัสบดีที่เท่าไรนั้นให้เป็นไปตามความสะดวกของแต่ละสถาบัน
ความทรงจำในวัยเด็กหวนมาอีกครั้ง ก่อนวันไหว้ครู ๑ วัน ทางโรงเรียนจะให้นักเรียนแต่ละห้องทำพานกันเอง ทุกปีฉันรับหน้าที่เตรียมดินเหนียวสำหรับทำโครง (เด็กสมัยนี้คงงง เพราะเดี๋ยวนี้เป็นโฟมสำเร็จแทบทั้งสิ้น) เนื่องจากบ้านฉันอยู่ติดริมแม่น้ำน่านในชนบท มีวัตถุดิบมากกว่าใคร ตาของฉันจะพายเรือไปขุดดินเหนียวที่ดีที่สุด ยายกับแม่เดินเก็บดอกมะเขือ ดอกเข็ม และหญ้าแพรกในละแวกบ้าน ยกเว้นข้าวตอกที่เป็นความรับผิดชอบของเพื่อนคนอื่น ๆ รวมถึงดอกไม้ ใบไม้ หลากหลายชนิด แล้วแต่การออกแบบ แต่เน้นว่าต้องมาจากธรรมชาติล้วน ๆ เข็มหมุดไม่ต้องพูดถึง พวกเราต้องตัดหรือหาไม้ไผ่มาเหลาเป็นเข็มกลัด ช่วยกันคิด ช่วยกันเตรียม ถึงเวลาทำก็หยิบจับตัดแต่งกันคนละไม้ละมือ จากหลากหลายมุมมอง ความเห็น ความชอบ ในที่สุดก็สำเร็จเป็นพานไหว้ครู ๒ พาน สำหรับผู้หญิง ๑ ผู้ชาย ๑ เป็นตัวแทนห้อง นำไปเข้าร่วมพิธีไหว้ครูอันศักดิ์สิทธิ์และทรงคุณค่า บทสวดปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง…(ประพันธ์โดย พระวรเวทย์พิสิฐ: วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์) ยังฝังอยู่ในมโนสำนึก ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เชื่อว่าทุกคนยังจำบทสวดเคารพครูอาจารย์นี้ได้อย่างแม่นยำ ปิดท้ายพิธีไหว้ครูด้วยการลุ้นรางวัลจากการประกวดพาน เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเรียน ห้องไหนได้รางวัลก็ดีใจ ไชโย ส่วนใครไม่ได้รางวัลก็ไม่ได้เสียใจ เพราะแต่ละคนซาบซึ้งดีว่าทุกคนได้รับรางวัลตั้งแต่เราเริ่มคิดแบบพาน เตรียมของ การมีส่วนร่วมของทุกคน จนถึงการถือพานมาไหว้ครู
เรือจ้างคือสัญลักษณ์ของอาชีพครู คือจิตวิญญาณของความเป็นครู นอกจากนี้ยังมีดอกกล้วยไม้เป็นดอกไม้ประจำวันครู ด้วยคุณลักษณะของดอกกล้วยไม้ที่ใช้เวลานานในการผลิดอกออกช่อ ต้องการการเอาใส่ใจจากผู้ปลูก ลักษณะเชิงสัญลักษณ์คล้ายอาชีพครู ทางคณะกรรมการจัดงานวันครู พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงประกาศให้กล้วยไม้เป็นดอกไม้ประจำวันครู
อาชีพครูเปรียบเป็นเช่นเรือจ้าง เฝ้าแผ้วถางนำทางสร้างความรู้
ผ่านห้วงน้ำอวิชชาพาอุ้มชู หล่อหลอมสู่คนดีมีปัญญา
ดุจกล้วยไม้ใช้เวลาผลิดอกช่อ ใส่ใจรอดูแลและรักษา
ทั้งอดทนเคี่ยวเข็ญเน้นเมตตา หนุนนำพาหมายมุ่งสู่เส้นชัย
ศิษย์นบน้อมกราบกรานคุณครูนี้ หญ้าแพรกมีขยายพันธุ์ได้โดยง่าย
เปรียบความรู้สู่โลกกว้างอย่างว่องไว ไม่ทำร้ายผู้ใดให้ร้าวรอน
ข้าวตอกก่อนแตกตัวเป็นสีขาว ถูกคลุกเคล้าคั่วตัวด้วยความร้อน
ครูควบคุมเคี่ยวเข็ญแม้ลุ่มดอน มิผัดผ่อนแตกฉานผ่านวินัย
ดอกมะเขือเอนโอนโน้มลงต่ำ อ่อนน้อมนำถ่อมตนเป็นนิสัย
อีกดอกเข็มหลักแหลมแกมคมคาย หวานชื่นใจใสสดจรดทุกยาม
ปาเจราจริยา โหนติ ครูผู้มิท้อบ่นบนขวากหนาม
เจียระไนหินกรวดเป็นเพชรงาม ภาคภูมินามศิษย์เพรียกเรียกคุณครู
พรปวีณ์ ทองด้วง
นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน
มหาวิทยาลัยนเรศวร
๑๑ มกราคม ๒๕๖๐
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูล
http://www.mcp.ac.th
http://news.truelife.com
http://swis.act.ac.th
http://campus.sanook.com
http://kmoftp.blogspot.com/
http://oknation.nationtv.tv/blog/whitedahla/2009/01/19/entry-1
https://www.gotoknow.org/posts/542887
http://mamiow222.blogspot.com/2010/01/blog-post.html
http://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id=nongsua9&month=18-08-2014&group=15&gblog=22
http://littledevils.exteen.com/20130117/entry
ความเห็นล่าสุด