“บอกเล่าประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชนรุ่นใหม่

“บอกเล่าประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชนรุ่นใหม่
ด้วยหุ่นกระบอก ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”

0902603     

       เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทย เชื่อว่าหลาย ๆ คนชอบที่จะฟังและขวนขวายที่จะอ่าน แต่ก็มีน้อยคนที่จะตั้งใจฟังและอ่านอย่างจริงจัง เหตุเพราะมักคิดว่าหากจะเล่าก็ต้องกางหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนาเพื่อสาธยายถึงเรื่องราวอันเข้มข้นที่เรียงร้อยอยู่ในหนังสือ บางคนสมาธิไม่ดีพอ ตัวหนังสือหรือผู้เล่าไม่สามารถดึงดูดให้เข้าใจถึงเนื้อหาได้ และบางครั้งการเล่าหรือการอ่านหนังสือก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะไม่สามารถที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับสื่อนั้น ๆ จินตนาการตามได้ ดังนั้นการจะบอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาติเรื่องหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่ยากในสายตาคนทั่วไป แต่ทางชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรกลับคิดต่างออกไป นั่นคือ มีการเชื่อมโยงภูมิปัญญาของไทยกับประวัติศาสตร์ชาติให้รวมเข้าด้วยกันอย่างมีศิลปะและวิจิตรงดงามในรูปแบบของการแสดงหุ่นกระบอกร่วมสมัย เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาของไทย รวมถึงยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

      และเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ที่ผ่านมานี้ ทางสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน และชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่าง ๆ เกี่ยวกับการแสดงหุ่นกระบอก ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทั้ง ๒ ตอน คือ ได้อย่างกระจ่างชัด และพร้อมที่จะไปแสดงในงานเทศกาลหุ่นโลก วันที่ ๒๐-๒๖ กุมภาพันธ์นี้ ณ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะนำมาให้อ่านเป็นบางช่วงบางตอน ดังนี้

เหตุใดจึงต้องเป็นหุ่นกระบอก?

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า เป็นการพัฒนาจากองค์ความรู้เดิมด้วยส่วนหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มนิสิตได้ร่วมมือกันที่จะพัฒนาตัวบท ตัวละคร และสิ่งที่สำคัญก็คือการสร้างหุ่นละครขึ้น เพื่อนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในมุมมองใหม่ ๆ เป็นการทำหุ่นกระบอกร่วมสมัยที่หยิบยกตำนานของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นมา โดยสื่อให้เยาวชนได้เห็นเรื่องราวพระอัจฉริยภาพ และมีจิตใจรักในชาติ รักษาคุณค่าของความเป็นชาติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกส่วนหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือ การนำความรู้ในประวัติศาสตร์นำเสนอในรูปแบบของการจัดการแบบใหม่ที่เป็นสากล นั่นคือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของหุ่นกระบอกธรรมดาที่เคยมีรูปทรงและการแต่งกายแบบโบราณให้มีการใช้ศิลปะร่วมสมัยเข้ามาในการสร้างลวดลายและทำกลไกพิเศษ ทำให้เกิดกระบวนการหมุนหรือชักหุ่นซึ่งเด็กรุ่นใหม่สามารถทำได้ ตรงนี้เอง องค์ความรู้ที่มีการพัฒนาเรื่องหุ่นกระบอก ก่อเกิดการอนุรักษ์ฟื้นฟูประวัติศาสตร์ ทำให้เด็กรุ่นใหม่รู้สึกตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นชาติผ่านหุ่นกระบอก และที่สำคัญคือ หุ่นกระบอกชุดนี้จะถูกนำไปจัดแสดงในงานหุ่นโลก ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๐๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ที่จังหวัดกาญจนบุรีด้วย”

      นอกจากนี้ นิสิตภาควิชาประวัติศาสตร์ ในนามชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมกันคิดว่าจะทำเช่นไรให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เผยแพร่ได้ง่ายขึ้น จึงมีการนำความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่มีอยู่ผนวกเข้ากับหุ่นกระบอก เพื่อให้บุคคลภายนอกและเยาวชนได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์ง่ายขึ้นและเห็นภาพชัดกว่าเดิม ดังเช่นที่นายยงยศ ชูชีพ นิสิตเก่าภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า
0902604

      “หุ่นกระบอกนี้นำรูปแบบมาจากหุ่นกระบอกไหหลำที่เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย ทางชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มองว่าการนำหุ่นมาจัดแสดงจะช่วยให้เกิดการเข้าใจได้ง่ายขึ้นในการรับชมและเรียนรู้ตามไป จึงได้เริ่มประดิษฐ์หุ่นกระบอกขึ้นผสมสานกับความเป็นสมัยใหม่เข้าไป จนสามารถสร้างการแสดงหุ่นประบอกขึ้นได้ โดยใช้เวลากว่า ๒ ปี ตั้งแต่เริ่มศึกษาจนจัดรูปแบบการแสดงสำเร็จ ทั้งการสร้างหุ่นขึ้นใหม่ การทำดนตรีประกอบและบทการแสดง และขณะนี้พร้อมแล้วที่จะนำออกสู่สายตาผู้ชมในงานเทศกาลหุ่นโลก เหตุที่เลือกเรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาจัดแสดงเพื่อเป็นการเผยแพร่และเทิดพระเกียรติให้ประชาชนได้ทราบเกี่ยวกับประวัติของพระองค์นั่นเองครับ”

จำนวนนักแสดงและระยะเวลาในการฝึกซ้อม?

     ทางด้านนายกิตติศักดิ์ สีมูล นิสิตชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า “ในปัจจุบันทีมที่ใช้แสดงหุ่นกระบอกในเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอนสุบินราชาหงสาพ่าย มีกว่า ๓๐ ชีวิต โดยได้ร่วมซ้อมกันมานานกว่า ๕ เดือนแล้ว เพื่อไปแสดงในงานเทศกาลหุ่นโลก ซึ่งก็ได้เตรียมการแสดงไว้ ๒ ตอน คือ ตอนนเรศวรราชาธิราชเจ้า และ สุบินราชาหงสาพ่าย ความยากของการแสดงคือทำอย่างไรให้การเชิดหุ่นดูสวยงามและผู้ชมคล้อยตามไปกับบรรยากาศการเชิดหุ่น

ที่ผ่านมาหุ่นกระบอกได้มีการจัดแสดงที่ใดบ้าง?

      ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ได้กล่าวไว้ว่า เรื่องราวเหล่านี้จะนำไปสู่การเผยแพร่ในวงกว้างขึ้นและเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจากตำราจะกลายเป็นเรื่องราวทีมีชีวิต และง่ายกว่าการแสดงแสงสีเสียงต่าง ๆ เพราะหุ่นกระบอกเหล่านี้สามารถยกและเคลื่อนย้ายไปสอนตามโรงเรียนและที่ต่าง ๆ ได้ ที่ผ่านมาเราได้ไปจัดแสดงที่งานถนนคนเดิน วัดราชบูรณะ จังหวัดพิษณุโลก ในตอนนี้ เราฝึกฝนเพื่อที่จะไปแสดงที่งานเทศกาลหุ่นโลกก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะมีงานจัดแสดงที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และที่รัชดาลัยเธียเตอร์ แล้วก็มีอีก ๑๖ โรงเรียนที่จองคิวเข้ามาเพื่อให้ไปนำเสนอและเผยแพร่การชักหุ่นและการประดิษฐ์ กลไกสิ่งสำคัญนอกจากการทำหุ่นแล้วยังมีการคิดค้นวิธีการแบบโบราณมาปั้นแบบใหม่ทำให้ง่ายขึ้น เด็กรุ่นใหม่สามารถที่จะปั้นโดยใช้วัสดุเหลือใช้ และแกะสลักจากเศษไม้เศษขี้เลื่อยต่าง ๆ ผสมกันแล้วปั้นขึ้นมา ทั้งยังสามารถเขียนลายอนุรักษ์ภูมิปัญญาได้ด้วยกลไกสมัยใหม่ ทำให้เด็ก ๆ สมัยใหม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้นกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม”

การสืบทอด สืบต่อหุ่นกระบอกชุดนี้ มีวิธีการอย่างไร?

     “หุ่นกระบอกนี้เราทำภายใต้ชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นภาควิชาประวัติศาสตร์ ร่วมกับทางสถานอารยธรรมศึกษาโขงสาละวิน และชมรมศิษย์เก่า เป็นการร่วมมือกันของสามหน่วยงานเพื่อการอนุรักษ์ และยังมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนในนามของชมรมด้วย และเมื่อนิสิตรุ่นนี้เรียนจบไปก็จะมีการฝึกนิสิตรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ไปเรื่อย ๆ ครับ” และนี่คือคำกล่าวทิ้งท้ายของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล

     จะเห็นได้ว่า ทางสถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน และชมรมประวัติศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมไปถึงชมรมศิษย์เก่า ได้มีการเตรียมการอย่างแข็งขัน เพื่อที่จะประชาสัมพันธ์ให้บุคคลภายนอกและเยาวชนได้เล็งเห็นและสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รวมไปถึงหวงแหนประเทศชาติกันมากขึ้น โดยสื่อสารผ่านทางการแสดงหุ่นกระบอกที่นิสิตร่วมกันทำขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป

เสาวลักษณ์ ภู่พงษ์
นักศึกษาฝึกงานสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐